iPhone-16-check

รับเครื่อง iPhone 16, iPhone 16 Pro Max แล้ว ควรเช็กจุดไหนบ้าง ?

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ที่จะได้รับ iPhone 16, iPhone 16 Pro Max สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Apple แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้งาน จำเป็นต้องตรวจสอบเช็กเครื่องอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานเป็นปกติ เบื้องต้นเรามีคู่มือฉบับย่อมาแนะนำ เพื่อให้คุณสามารถตรวจเช็กประสิทธิภาพเครื่องก่อนใช้งานได้

1.รับเครื่อง iPhone 16 อย่าลืมเช็กสภาพภายนอก

การตรวจเช็กสภาพภายนอกถือเป็นขั้นตอนแรกที่ควรปฏิบัติ โดยควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้เป็นจุดสำคัญ 

1. สภาพกล่อง : กล่องควรอยู่ในสภาพดี ไม่บุบหรือฉีกขาด ซีลหรือพลาสติกหุ้มควรยังไม่ถูกแกะ รวมถึงการดูหมายเลข IMEI ของเครื่อง ว่าชื่อสีที่ให้ตรงกับเครื่องที่คุณจองหรือไม่ ?

2. อุปกรณ์ภายในกล่อง : ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ทั้งหมดที่ควรมีอยู่ในกล่องครบถ้วน เช่น สายชาร์จ USB-C, เข็มจิ้มซิม และคู่มือการใช้งาน (ครั้งนี้ Apple ไม่มีสติกเกอร์โลโก้ Apple มาให้ในกล่องแล้ว)

3. ตัวเครื่อง : ตรวจสอบรอยขีดข่วน รอยบุบ หรือความเสียหายอื่น ๆ บนตัวเครื่อง ตรวจสอบว่าปุ่มต่าง ๆ กดได้อย่างราบรื่น ไม่หลวม สามารถกดใช้งานได้ รวมถึงไม่มีช่องว่างหรือรอยต่อที่

2. ตรวจสอบระบบการทำงานก่อนรับ รับเครื่อง iPhone 16

1. เปิดเครื่อง : กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องค้างไว้จนกว่าโลโก้ Apple จะปรากฏขึ้น ไม่มีจุดสีขาว หรือ Dead Pixel กระพริบขึ้นมา

2. ตั้งค่าเบื้องต้น : ทำตามขั้นตอนการตั้งค่าเบื้องต้นบนหน้าจอ เพื่อเข้าสู่ระบบของเครื่อง

3. ตรวจสอบระบบสแกนใบหน้า Face ID : ให้ไปที่ ตั้งค่า Face ID เพื่อสแกนใบหน้า โดยตั้งค่าในขั้นตอนการ Activate (เปิดใช้งานตัวเครื่อง) ตั้งแต่เริ่มเปิดเครื่อง จากนั้นลองปลดล็อกด้วยใบหน้าของตนเองดู เพื่อให้มั่นใจว่าส่วนนี้ใช้งานได้ดีและถูกต้อง

4. ตรวจสอบหน้าจอ : ตรวจสอบว่าหน้าจอแสดงผลได้อย่างถูกต้อง ไม่มีจุดดำ จุดสว่าง หรือเส้นผิดปกติ ให้ลองสัมผัสหน้าจอ ด้วยการ แตะ ปัด เลื่อน ว่าสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ การทัชสกรีนไหลลื่นดีหรือไม่

โดย iPhone นั้นต้องใช้วิธีเข้าเว็บไซต์ Google ค้นหาคำว่า “Dead Pixel Test” เลือกแสดงผลเต็มหน้าจอ ปล่อยให้เครื่องแสดงผลไปจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีจุดสีผิดปกติ

5. การทำงานของ Always on Display : ควรตรวจสอบการทำงาน ของคุณสมบัติ Always on Display รวมด้วย แต่ต้องไปเช็กเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้แล้วหรือยัง โดยไปที่ การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง > หน้าจอเปิดตลอด > เปิด หน้าจอเปิดตลอด

หลังจากเปิดใช้งานแล้วให้กดปุ่มด้านข้าง ดูว่าหน้าจอมืดลงและแสดงข้อมูลบนหน้าจอหรือไม่ จากนั้นกดปุ่มด้านข้างอีกครั้ง เพื่อเช็กว่าหน้าจอสว่างขึ้นหรือไม่ สามารถกดปุ่มด้านข้างซ้ำ ๆ เพื่อเช็กการทำงานของคุณสมบัตินี้

6. ตรวจสอบกล้อง: เปิดแอปกล้องและถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ตรวจสอบว่าภาพที่ได้มีความคมชัดและไม่มีสิ่งผิดปกติ ควรตรวจสอบทั้งหน้าและหลัง และเช็กตัวควบคุมกล้อง (Camera Control) เนื่องจาก iPhone 16 ทุกรุ่น มาพร้อมตัวควบคุมกล้อง (Camera Control) อยู่ด้านล่างปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง โดยตัวควบคุมกล้องนี้จะทำงานร่วมกับแอปกล้อง สามารถเช็กเบื้องต้นได้ดังนี้

  • เปิดแอปกล้อง : กดปุ่ม Camera Control หนึ่งครั้งเพื่อเปิดแอปกล้อง
  • ถ่ายรูปภาพ : หลังจากเปิดแอปกล้อง ให้กดอีก1 ครั้งเพื่อถ่ายรูปภาพ
  • บันทึกวิดีโอ : ให้กดที่ปุ่ม Camera Control ค้างไว้เพื่อเริ่มบันทึกวิดีโอ
  • เปิดตัวควบคุมกล้อง : กด Camera Control เบา ๆ เพื่อเปิดตัวควบคุมกล้อง เช่น การซูมเข้า-ออก

ในส่วนของการตรวจเช็กกล้องหลัง หลังจากที่เปิดกล้องด้วยตัวควบคุม (Camera Control) แล้วให้ทดสอบกล้องหลังกันต่อได้เลย โดยทดสอบถ่ายรูปปกติ และแนะนำให้เช็กกล้องแต่ละตัวและฟีเจอร์กล้องอื่น ๆ รวมด้วยดังนี้

  • ทดสอบการถ่ายภาพด้วย กล้อง Ultra-Wide ด้วยระยะ 0.5x
  • ทดสอบการถ่ายภาพด้วย กล้อง Fusion ด้วยระยะ 1x และ 2x
  • ทดสอบการถ่ายภาพด้วย กล้อง Telephoto ด้วยระยะ 5x เฉพาะ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max
  • ทดสอบการแตะโฟกัสที่หน้าจอ
  • ทดสอบการโหมดถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหลังว่าภาพเป็นหน้าชัดหลังเบลอหรือไม่ ? สามารถปรับค่า f รูรับแสงได้หรือไม่ ?
  • ทดสอบการซูม โดยใช้สองนิ้วจีบเข้า-ออก ว่าซูมได้ปกติหรือไม่ ?
  • ทดสอบแฟลชกล้องหลังโดยการเปิดแฟลชถ่ายหรือการเปิดไฟฉายที่ Control Center หรือเปิดแฟลชกล้องหลังไว้ในแอปกล้อง
  • ทดสอบการถ่ายวิดีโอ และเปิดดูว่ามีภาพและเสียงคมชัดหรือไม่ ? จับโฟกัสได้ปกติหรือไม่ ?

7. ตรวจสอบลำโพงและไมโครโฟน : เปิดเพลงหรือวิดีโอเพื่อทดสอบลำโพง และลองบันทึกเสียงเพื่อทดสอบไมโครโฟน รวมถึงเช็กปุ่มด้านข้าง และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง โดยไล่กดและเช็กการทำงานทีละปุ่ม เช็กดูว่าปุ่มทำงานได้ถูกต้องหรือไม่ ?

นอกจากนี้ iPhone 16 ทุกรุ่นมาพร้อมปุ่ม Action ซึ่งค่าเริ่มต้นก็จะเป็นการกดเพื่อเปิด-ปิดเสียง แนะนำให้ลองกดปุ่ม Action ดูว่าสามารถเปิดปิดเสียงได้หรือไม่รวมด้วย  

8. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ: เชื่อมต่อกับ Wi-Fi และ Bluetooth เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง

ในส่วนของการเช็กสัญญาณiPhone 16 ที่วางขายในไทยจะเป็นระบบ 2 ซิม คือ Nano SIM และ eSIM และสามารถใส่เป็น eSIM ทั้งสองซิมได้แล้ว เบื้องต้นให้ลองใส่ซิมการ์ดเข้าไป โดยใส่ซิมหลักที่เป็นแบบ Nano SIM เข้าไปก่อน การแสดงผลเครือข่ายจะต้องรับสัญญาณได้

ในกรณีที่ได้โอนย้ายข้อมูลจากเครื่องเดิม หรือกรณีที่เราเริ่มลงทะเบียน eSIM ครั้งแรกกับเครื่องใหม่ ก็สามารถทดสอบการใช้งานด้วย eSIM ดูด้วยก็ได้ ว่าสามารถใช้เบอร์โทรที่เป็น eSIM โทรออกได้หรือไม่

9. ตรวจสอบแบตเตอรี่ : ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่มีเปอร์เซ็นต์การชาร์จอยู่บ้าง โดยทั่วไปใหม่ต้องมีสุขภาพแบตเตอรี่ความจุสูงสุด 100% เช็กได้ที่ การตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่ > ความจุสูงสุดต้องเป็น 100% และรอบการชาร์จควรน้อย

3. ตรวจสอบข้อมูลเครื่อง ก่อนรับเครื่อง iPhone 16

1. ตรวจสอบ IME I: ตรวจสอบว่าหมายเลข IMEI บนกล่องตรงกับหมายเลข IMEI ที่แสดงในเครื่อง (ไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > เกี่ยวกับ)

2. ตรวจสอบการรับประกัน : ตรวจสอบว่าเครื่องมีการรับประกันจาก Apple ซึ่งเครื่องใหม่จากศูนย์จะมีประกันตัวเครื่องต้องหมดในอีก 1 ปี นับจากวันที่เปิดใช้เครื่อง ประกันต้องไม่เดินไปก่อน โดยเช็กจาก การตั้งค่า > ทั่วไป > เกี่ยวกับ > การคุ้มครอง > เลือก iPhone ของตนเอง > ดูวันสิ้นสุดการรับประกันแบบจำกัดต้องหมดใน 1 ปี นับจากวันที่เปิดเครื่อง

4. ตรวจสอบใบเสร็จรับเงิน

ควรดูความถูกต้องของใบเสร็จ ร่วมด้วยต้องลงข้อมูลถูกต้องทั้งรหัสรุ่นและสีรวมถึงรายการคำสั่งซื้อต้องตรงกับสิ่งที่คุณจอง

หากคุณรับเครื่องแล้วเกิดความเสียหายตั้งแต่เปิดกล่อง ไม่ควรลงชื่อรับอุปกรณ์นั้นและ ถ้าตรวจสอบทั้งหมดแล้ว  พบปัญหาระหว่างการเช็กแนะนำว่าให้แจ้งพนักงานหรือสอบถามโดยทันที สุดท้ายควรถ่ายภาพใบเสร็จ และเก็บใบเสร็จไว้ในกล่องเพื่อยืนยันว่า เครื่องของเราซื้อเมื่อไหร่ เป็นหลักฐานยืนยันอีกครั้ง 

 

หากคุณสนใจที่จะขาย iPhone มือสอง ทางเรามีบริการรับซื้อไอโฟนมือสอง คุณสามารถประเมินราคาไอโฟนมือสอง เบื้องต้นได้หลากหลายช่องทางที่ apple sure เราการันตีว่าขายกับเรา ง่าย ไว ชัวร์
เพียง 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ประเมิน > นัดหมาย > รับเงินทันที

อย่ารอช้า! รีบติดต่อเราเพื่อขาย iPhone มือสอง ของคุณได้ง่าย ๆ สะดวก รวดเร็ว พร้อมบริการรับซื้อถึงที่ (Delivery) และมีหน้าร้านกว่า 10 สาขาทั่วประเทศ! สะดวก  ปลอดภัย ง่าย ไว ชัวร์
ช่องทางการติดต่อ:

Tags

ข่าวสารและโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง

X